pre-loader image
ปิด

รายละเอียดผลงานวิจัย R2R

ผลของตำรับยาสตรีหลังคลอดต่อปริมาณน้ำนมมารดาหลังคลอดในโรงพยาบาลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม

งานวิจัยปี

2566

คำสำคัญ

ช่องคลอด ร่างกาย

ประเภทผลงานวิจัย

ประเภท ทุติยภูมิ

ระดับของการนำไปใช้

ระดับที่ 2 นำไปใช้ในหน่วยงานตนเองและหน่วยงานอื่น ๆ ในองค์กรแล้ว

ประเด็นวิจัยหลัก

การส่งเสริมสุขภาพ

ประเด็นย่อย

กลุ่มเป้าหมาย

ที่มา

จากการสัมภาษณ์มารดาหลังคลอด ในโรงพยาบาล จำนวน 30 ราย พบว่า มารดาหลังคลอดมีปัญหา 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) น้ำนมมาน้อย 74.32 % 2) ลูกร้องกวน ตื่นบ่อย 60.25% 3) พักผ่อนน้อย 63.54% การส่งเสริมการสร้าง การหลั่งนมแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วง 2 – 3 วันแรก โรงพยาบาลเชียงยืนได้เล็งเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การใช้ตำรับยาสตรีหลังคลอดเป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยกระตุ้นน้ำนม จากการเก็บข้อมูลยังไม่พบรายงานการแพ้สมุนไพร ตัวยาประกอบด้วย น้ำนมราชสีห์ 40 กรัม ว่านชักมดลูก ฝางเสน นมสาว อย่างละ 20 กรัม ย่านางแดง โกฐหัวบัว คำฝอย อย่างละ 10 กรัม ผู้วิจัยได้ศึกษาสมุนไพรแต่ละชนิดพบว่า มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงโลหิต กระตุ้นน้ำนม บำรุงร่างกาย ช่วยขับน้ำความปลา การศึกษาครั้งนี้จะช่วยยืนยันผลของตำรับยาสตรีหลังคลอดต่อปริมาณน้ำนมมารดาหลังคลอดได้ยิ่งขึ้น

วัตถุประสงค์

เพื่อศึกษาผลของตำรับยาสตรีหลังคลอดต่อปริมาณน้ำนมมารดาหลังคลอด

ระเบียบวิธีวิจัย

เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง เปรียบเทียบปริมาณน้ำนมมในระยะ 48 ชั่วโมงหลังคลอด ระยะเวลาศึกษา ม.ค. – ธ.ค.2565 จำนวน 30 คน แบ่งกลุ่มๆละ 15 คน กลุ่ม A ไม่ได้รับยา แต่ได้รับการพยาบาลตามปกติ กระตุ้นการดูดของทารกทันทีหลังคลอด และทุก 3 ชั่วโมง เป็นเวลา 48 ชั่วโมง เมื่อครบ 48 ชั่วโมง (เริ่มนับจากเวลาที่เริ่มให้นมลูก) เริ่มปั้มนมหลังให้นมลูกไปแล้ว 1 ชั่วโมง ด้วยเครื่องปั้มนมแบบไฟฟ้า ข้างละ 15 นาที ลงบันทึกปริมาณน้ำนมลงในแบบบันทึก กลุ่ม B ได้รับตำรับยาสตรีหลังคลอด 100 มิลลิลิตร 3 เวลา ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และได้รับการพยาบาลตามปกติ กระตุ้นการดูดของทารกทันทีหลังคลอด และทุก 3 ชั่วโมงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เมื่อครบ 48 ชั่วโมง (เริ่มนับจากเวลาที่เริ่มให้นมลูก) เริ่มปั้มนมหลังให้นมลูกไปแล้ว 1 ชั่วโมง ด้วยเครื่องปั้มนมแบบไฟฟ้า ข้างละ 15 นาที ลงบันทึกปริมาณน้ำนมลงในแบบบันทึก

ผลการศึกษา

พบว่า อายุเฉลี่ยมารดากลุ่มไม่ได้รับยา เท่ากับ 22.93 (SD = 3.48) อายุเฉลี่ยมารดากลุ่มได้รับยาสตรีหลังคลอด เท่ากับ 22.70 (SD = 2.63) ค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำนมมารดากลุ่มไม่ได้รับยา เท่ากับ 14.50 มิลลิลิตร (SD = 1.75) ปริมาณน้ำนมมารดากลุ่มได้รับยาสตรีหลังคลอด เท่ากับ 23.90 มิลลิลิตร (SD = 3.31) แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ (p < 0.05) มารดาหลังคลอดมีความพึงพอใจ ด้านรสชาติของยา ค่าเฉลี่ย 87.2 (SD = 0.97) พึงพอใจระดับมาก ความพึงพอใจด้านกลิ่นของยา ค่าเฉลี่ย 88.6 (SD = 0.85) พึงพอใจระดับมาก ความพึงพอใจด้านปริมาณน้ำนมเพิ่มขึ้น ค่าเฉลี่ย 89.8 (SD = 0.57) พึงพอใจระดับมาก ความพึงพอใจด้านรูปแบบของยากินง่าย ค่าเฉลี่ย 85.4 (SD = 0.80) พึงพอใจระดับมาก ความพึงพอใจในภาพรวม ค่าเฉลี่ย 87 (SD = 0.92) พึงพอใจระดับมาก

การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ

ตำรับยาสตรีหลังคลอดสามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมในมารดาหลังคลอดที่คลอดปกติทางช่องคลอดได้ดี เป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม

บทเรียนที่ได้รับ

ยาสตรีหลังคลอดสามารถเพิ่มปริมาณน้ำนมในมารดาหลังคลอดที่คลอดปกติทางช่องคลอดได้ดี เป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ

ผู้บริหาร และทีมสหวิชาชีพให้การสนับสนุน และตัวผู้วิจัยที่หมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม

Keywords

  • ตำรับยาสตรีหลังคลอด

เกี่ยวกับโรค

ไม่เกี่ยวข้อง

เป็นสิ่งประดิษฐ์

ไม่เป็น

เคยได้รับการตีพิมพ์

ไม่เคย

เคยได้รับการเผยแพร่มาก่อน

ไม่เคย

รางวัลที่ได้รับ

ไม่เคย

ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล

นักวิจัย
ที่ปรึกษา
คุณอำนวย

ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร

จังหวัด
มหาสารคาม
เครือข่าย R2R
เครือข่าย R2R ร้อยแก่นสารสินธุ์
เขตสุขภาพ
เขตที่ 7
ภูมิภาค
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข้อมูลอื่น ๆ

การสนับสนุน
การสนับสนุนทั่วไป
  • การสนับสนุนเชิงนโยบาย: พอใจ
  • สนับสนุนงบประมาณ: พอใจ
  • ให้คำปรึกษา: พอใจ
  • จัดอบรมให้ความรู้ในหน่วยงาน: พอใจ
  • ส่งไปอบรมเพิ่มความรู้นอกหน่วยงาน: พอใจ
การสนับสนุนจากแหล่งทุนสนับสนุน
  • ไม่มีข้อมูล
เผยแพร่เมื่อ
2566
งานวิจัยนี้ส่งโดย
นักวิจัยส่งเอง
นำเข้าโดย
เครือข่าย R2R ประเทศไทย