การบันทึกข้อมูลของผู้รับบริการให้ถูกต้อง ครบถ้วน และส่งทันเวลา เป็นกระบวนการสำคัญในระบบจัดเก็บรายได้ค่ารักษาพยาบาล ที่มีผลต่อการได้รับเงินชดเชยค่ารักษา ส่งผลต่อสถานะทางการเงินของโรงพยาบาล จากการทบทวนข้อมูลรายได้รวมในปี2561 พบว่าลดลงจากปี2560ประมาณ8.44ล้านบาทคิดเป็น8.71% รายได้ที่ลดลงมากที่สุดคือ รายได้ค่ารักษาเบิกจ่ายตรงกรมบัญชีกลางคิดเป็น21.15% ทีมจึงตามรอยศึกษาผลการส่งข้อมูลจากเมย.60-มีค.61พบว่าข้อมูลส่ง9,716 ราย บันทึกไม่ถูกต้องและมีผลต่อเงินชดเชยโดยเสี่ยงต่อการไม่ได้รับเงินชดเชยเลย49รายคิดเป็น 0.50% เป็นเงิน 28,975 บาท ทำให้ทีมสนใจแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยหาเครื่องมือมาช่วยตรวจสอบข้อมูลของผู้รับบริการที่บันทึกไม่ถูกต้องไม่ครบถ้วน แล้วนำมาแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนส่งออก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียรายได้เงินชดเชยค่ารักษาและผู้ใช้งานมีความพึงพอใจ เครื่องมือนี้คือโปรแกรม “Data Audit”
1) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมData Audit ที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลในระบบจัดเก็บรายได้ 2) เพื่อสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบชุดข้อมูลในระบบจัดเก็บรายได้
เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ พื้นที่ศึกษา คือโรงพยาบาลนาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม โดยใช้วงจรการดำเนินงานของ Kurt Lewin(1946) เริ่มต้นที่ Planning:การวางแผน Action :การปฏิบัติตามแผน Observation :การสังเกต ติดตามผล Reflection :การสะท้อนผล ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัย คือบุคลากรคณะทำงานจัดเก็บรายได้จำนวน 32คน ศึกษาผลการบันทึกข้อมูล และรายได้จากการบันทึก-ส่งข้อมูลเรียกเก็บเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลของผู้รับบริการสิทธิจ่ายตรงกรมบัญชีกลางโรงพยาบาลนาเชือก ปีงบประมาณ2562-2563ไตรมาส1-3 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลได้แก่ 1)รายงานผลการส่งข้อมูลสป.สช.(e-claim.nhso.go.th) 2)รายงานระบบบันทึกข้อมูลประมาณการรายได้และค่าใช้จ่ายรพ.นาเชือก(Planfin) 3)แบบสอบถามความพึงพอใจของบุคลากรต่อการใช้งานโปรแกรม Data Audit ในระบบจัดเก็บรายได้ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
พบว่า การใช้โปรแกรม Data Audit ตรวจสอบข้อมูลในระบบจัดเก็บรายได้ สามารถตรวจสอบข้อมูลผู้รับบริการ ที่มีการบันทึกไม่ถูกต้องไม่ครบถ้วนได้อย่างแม่นยำ เป็นปัจจุบัน สนับสนุนให้ผู้ใช้งานตรวจสอบแก้ไขและบันทึกข้อมูลได้ถูกต้อง ครบถ้วนก่อนส่งออกได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลากำหนด ผลการส่งข้อมูลในปี62และ63 มีความทันเวลา ถูกต้องร้อยละ99.73และ99.99 ตามลำดับ (จาก99.72ในปี2561) รายได้ค่ารักษาเบิกจ่ายตรงกรมบัญชีกลางปี62เพิ่มขึ้นจากปี61=3,374,545.97 บาทเป็น 3,771,765.5บาท คิดเป็นร้อยละ11.77และปี63เเป็น4,642,045.5บาท ร้อยละ23.07 รายได้รวม(ยกเว้นรายได้UC รายได้งบประมาณส่วนบุคลากร และรายได้งบลงทุนบุคลากร) ปี62 เพิ่มขึ้นจากปี61=10,024,457.99 บาทเป็น 11,067,028.01บาทคิดเป็นร้อยละ10.40 และปี63เป็น13,187,589.14บาท คิดเป็นร้อยละ19.16 จากปี62 บุคลากรมีความพึงพอใจต่อโปรแกรมData Auditในระดับดี (M=4.28,SD=0.47)
สามารถนำโปรแกรมData Audit ไปใช้ในการตรวจสอบข้อมูลในระบบจัดเก็บรายได้ทั้ง7สิทธิหลักและใช้ตรวจสอบตั้งแต่ระบบงานห้องบัตรและเวชระเบียน แผนกบริการทั้งOP IP จนถึงงานการเงิน ขยายผลไปใช้ตรวจสอบข้อมูลระบบเรียกเก็บในกองทุนย่อยและการจ่ายตามเกณฑ์คุณภาพผลงาน(QOF,PP Fee Schedule) เป็นต้นแบบให้โรงพยาบาลในจังหวัดและมีสถานพยาบาลทุกระดับ(รพศ.รพท.รพช.รพ.สต.)ทั่วประเทศติดตั้งใช้งานโปรแกรม Data Audit รวม2,185แห่ง
การรับรู้ปัญหาในกระบวนการทำงานแล้วนำสู่การวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา วางแผนหาแนวทางแก้ไขและลงมือปฏิบัติร่วมกันเป็นทีม ร่วมกับการนำเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมาช่วยในกระบวนการทำงาน ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี จนบรรลุเป้าหมายที่สำคัญองค์กร ทำให้ทีมงานภาคภูมิใจที่สามารถแก้ไขปัญหาหน้างานได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ต้องเพิ่มบุคลกรและงบประมาณ และที่สำคัญคือบุคลากรมีความพึงพอใจ
ผู้บริหารให้ความสำคัญ ให้การสนับสนุนและติดตาม ควบคุมกำกับ สม่ำเสมอ Teamwork :คณะทำงานจัดเก็บรายได้ มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ติดตามผลดำเนินงาน สะท้อนผลลัพธ์ เสนอแนะปัญหา อุปสรรค หาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และบุคลากรที่ใช้งานโปรแกรม Data Audit มีความรู้ ความเข้าใจการใช้โปรแกรม ช่วยเสนอแนะความต้องการ ปัญหาอุปสรรค ที่พบในหน้างานเพื่อให้แอดมินแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาอยู่เสมอ
ไม่เป็น
ไม่เคย
ไม่เคย
ไม่เคย