ฟันน้ำนมถือว่าเป็นฟันชุดแรกที่มีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตเด็กก่อนวัยเรียน โรคฟันผุในเด็กปฐมวัยยังคงเป็นปัญหาทางทันตสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย จากรายงานสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 พ.ศ.2560 พบว่า เด็กอายุ 3 ปี ปราศจากโรคฟันผุร้อยละ 47.1 ลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาร้อยละ 1.2 และจังหวัดอุบลราชธานี ปราศจากโรคฟันผุร้อยละ 25.3 ลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา ร้อยละ 7.2 ซึ่งต่ำกว่าในระดับประเทศ จากเหตุผลดังกล่าวผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลทันตสุขภาพเพื่อป้องกันโรคฟันผุ เพื่อให้ผู้ปกครองมีพฤติกรรมทันตสุขภาพที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กอีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการนำผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษานี้ไปใช้เป็นแนวทางในการศึกษาและการจัดกิจกรรมทางด้านทันตสุขภาพได้ในอนาคต
เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุ สำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน ในเขตอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental study) กลุ่มตัวอย่างคือผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลคำขวาง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อหวาง แบ่งออกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 35 คน คัดเลือกโดยวิธีการ matching พิจารณาลักษณะที่สอดคล้องกัน และวิธีการสุ่มอย่างมีระบบ กลุ่มทดลองจะได้รับโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุสำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน ที่พัฒนาขึ้น เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนตุลาคม 2562 – มกราคม 2563 โดยใช้แบบทดสอบความรู้ แบบสอบถามพฤติกรรมในการป้องกันโรคฟันผุ และแบบบันทึกปริมาณแผ่นคราบจุลินทรีย์ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบความแตกต่างด้วยค่า Paired sample t – test และ Independent sample t – test
พบว่า ภายหลังการได้รับโปรแกรมทันตสุขศึกษา ประกอบด้วย 1.การบรรยายประกอบเอกสารการเรียน เรื่อง โรคฟันผุสำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน 2.การสร้างการรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันโรคฟันผุ โดยการบรรยายและแบ่งกลุ่มสาธิตฝึกปฏิบัติย้อมสีฟัน ฝึกผู้ปกครองตรวจฟันเด็กด้วยตนเอง และฝึกปฏิบัติการแปรงฟันด้วยวิธีสครับเทคนิค 3.การส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุ ด้วยการจัดกิจกรรมหนูน้อยฟันดี และกิจกรรมฟันไม่เป็นแมงเพราะแปรงทุกวัน 4.การให้การส่งเสริมพฤติกรรมผู้ปกครองด้านแรงสนับสนุนทางสังคม กลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยความรู้ และพฤติกรรมในการป้องกันโรคฟันผุสำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน สูงกว่าก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และกลุ่มทดลองมีปริมาณแผ่นคราบจุลินทรีย์ต่ำกว่าก่อนการทดลองและกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สามารถนำโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุสำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนนี้ เป็นแนวทางต้นแบบการดำเนินกิจกรรมในการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุ เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากที่ดี และสามารถประยุกต์เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาทันตสาธารณสุขในกลุ่มวัยอื่น เพื่อให้เกิดการป้องกันหรือควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที และมีประโยชน์ต่อการพัฒนางานทันตสาธารณสุขในชุมชนที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุสำหรับผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนเป็นการประยุกต์มาจาก ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเอง ทฤษฎีด้านแรงสนับสนุนทางสังคม สามารถนำมาพัฒนาโปรแกรมเพื่อให้ผู้ปกครอง เกิดความตระหนักและสามารถดูแลสุขภาพช่องปากทั้งของตนเองและบุตรหลานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนและความร่วม จาก รพ.สต. ,คณะครู ศพด. และผู้ปกครอง ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุ ในบุตรหลานของตนเอง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยดีเสมอมา เพื่อให้เกิดสุขภาพช่องปากที่ดีตั้งแต่ชุดฟันน้ำนม และส่งผลไปจนถึงการมีชุดฟันแท้ที่ดีและสามารถใช้งานไปได้ตลอดชีวิต
ไม่เป็น
ไม่เคย
ไม่เคย
ไม่เคย