ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บ้านนาจันทร์พบปัญหาเกิดโรคไข้เลือดออกเกือบทุกปี ปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดโรคเช่น ลักษณะบ้านเรือน ระบบสาธารณูปโภค จากอาชีพขายยางรถยนต์เก่า และพฤติกรรม จากการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกของชุมชนพบว่าการควบคุมลูกน้ำยุงลายโดยใช้ทรายทีมีฟอส ฉีดพ่นยาฆ่ายุง ทายากันยุง จุดยากันยุงเพื่อไล่ยุง มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นอย่างน้อยครัวเรือนละ 300 บาท/เดือน และยังมีความเสี่ยงต่อการรับสารเคมี ในปี 2556 ได้เกิดการระบาดของโรคเลือดออกในพื้นที่ จึงคิดทำถุงสมุนไพรไล่ยุง เพื่อช่วยในการควบคุมป้องกัน โรคไข้เลือดออก การใช้ถุงสมุนไพรไล่ยุงก็นิยมทำใช้กัน ในชุมชนใกล้เคียง ปี 2559 โรคไข้เลือดเป็นปัญหาทุกระดับและเป็นนโยบายต้องควบคุมป้องกันการเกิดโรค จึงหานวัตกรรม โดยการคิดต่อยอดการพัฒนาประสิทธิภาพถุงหอมสมุนไพรจากสูตรเดิม โดยการเพิ่มสมุนไพรอีก 2ชนิด คือใบยูคาลิปตัส และใบเดย
เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของถุงหอมสมุนไพรไล่ยุง
เป็นการศึกษาแบบกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับการคัดเลือกแบบเจาะจง และสมัครใจ จำนวน 20 หลังคาเรือน ในระแวกเดียวกัน ซึ่งแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ใช้ถุงหอมสมุนไพรแบบที่1(สูตรเดิม) ติดต่อกัน 7 วัน จำนวน 10 หลังคาเรือน กลุ่มที่ 2 ใช้ถุงหอมสมุนไพรแบบที่ 2 (สูตรใหม่) ติดต่อกัน 7 วัน จำนวน 10 หลังคาเรือน โดยแต่ละกลุ่มจะได้รับถุงหอมสมุนไพร หลังคาเรือนละ 3 ถุง จัดวางโดย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แล้วนำข้อมูลจากแบบสอบถามมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติความถี่ ร้อยละ ส่วนผสมสมุนไพรไล่ยุงแบบที่1(สูตรเดิม) ประกอบด้วย ตะไคร้หอมหั่นฝอย 4 ส่วน ใบมะกรูดหั่นฝอย 4 ส่วนการบูร 1 ส่วน ส่วนผสมสมุนไพรไล่ยุงแบบที่ 2(สูตรใหม่) ประกอบด้วย ตะไคร้หอมหั่นฝอย 4 ส่วน ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ส่วน การบูร 1 ส่วน ใบยูคาลิปตัส หั่นฝอย 4 ส่วน ใบเตยหั่นฝอย 2 ส่วน
ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพและความพึงพอใจของถุงหอมสมุนไพรไล่ยุง ทั้ง 2 แบบ จากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มๆละ10 หลังคาเรือน โดยการใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ และสรุปผลโดยการสถิติ ร้อยละ พบว่า ความพึงพอใจต่อถุงหอมสมุนไพรแบบที่1(สูตรเดิม) ดังนี้ สี ร้อยละ 60 กลิ่น ร้อยละ 70 ประสิทธิภาพการการไล่ยุง ร้อยละ 60 ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ร้อยละ 90 สามารถผลิตเองได้ ร้อยละ 80 ไปเผยแพร่แนะนำได้ ร้อยละ 70 พอใจในผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 70 ความพึงพอใจต่อถุงหอมสมุนไพรแบบที่2 (สูตรใหม่) ดังนี้ สี ร้อยละ 70 กลิ่น ร้อยละ 90 ประสิทธิภาพการการไล่ยุง ร้อยละ 90 ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ร้อยละ 90 สามารถผลิตเองได้ ร้อยละ 80 ไปเผยแพร่แนะนำได้ ร้อยละ 70 พอใจในผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 80 ผลการเปรียบประสิทธิภาพและความพึงพอใจ ทั้ง 7 ด้าน พบว่าถุงหอมสมุนไพรสูตรใหม่ มีคะแนนความพึงพอใจมากกว่า
นำงานแพทย์แผนไทยมาผสมผสานโดยการนำเอาสมุนไพร ในชุมชน หาได้ง่าย มาทำเป็นถุงหอมสมุนไพรเพื่อไล่ยุง ช่วย ในการควบคุม ป้องกันโรคไข้เลือดออก ที่เป็นปัญหาของหน่วยงาน สมารถขยายผลใช้ในพื้นที่อื่น แต่การปฏิบัติต้องกระทำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน พฤติกรรมการป้องกันควบคุมทำลายแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายในหมู่บ้านต้องปฏิบัติที่ถูกต้องและถูกวิธี ควบคู่ไปด้วย โดยใช้มาตรการ 5ป. 1 ข.มาตรการ 3 เก็บ 3 โรค และ5ส.
การคืนข้อมูลให้ชุมชน การใช้วิกฤติเป็นโอกาสจากการเกิดโรคไข้เลือดออก จนเกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาด้วยชุมชนเอง เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดนโยบายสาธารณะ และใช้ทรัพยากรทีมีอยู่ เข่นสมุนไพรต่างๆ มาสร้างมูลค่าและเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ชาวบ้านตระหนักเห็นคุณค่าในการนำสมุนไพรใกล้ตัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ผู้นำชุมชน และแกนนำชุมชน อสม.มีความสำคัญเป็นแบบอย่างที่ดี
มีภาคีเครือข่าย แกนนำหมู่บ้าน อสม. เทศบาลตำบล ที่เข้มแข็ง มีสมุนไพรใกล้ตัวที่หาได้ง่าย ใช้ภูมิปัญญาไทย ลดการใช้สารเคมี ลดค่าใช้จ่าย การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ผู้บริหารทุกระดับเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุน รวมทั้ง บุคลากรในหน่วยงานให้ความร่วมมือและเห็นความสำคัญของการพัฒนางานประจำให้เกิดเป็นงานวิจัย
ถุงหอมสมุนไพรไล่ยุง
ไม่เคย
ไม่เคย
ไม่เคย