จากการตรวจช่องปากเด็กในศูนย์เด็ก ปี 56 พบว่า เด็ก 942 คน มีฟันผุ 531 คน (56.36%) ได้อุดฟันเพียง 20 คน (2.12%) ได้ถอนฟัน 9 คน (0.95%) ปี 57 เด็ก 701 คน มีฟันผุ 383 คน (54.63%) ได้การอุดฟัน 14 คน (1.99%) ได้ถอนฟัน 10 คน (1.42%) จากข้อมูลทำให้ทราบว่า เด็กมีฟันผุเกินครึ่งหนึ่งแต่ได้รับการอุดฟันน้อยมาก การไม่ได้อุดฟันตั้งแต่เริ่มแรก ทำให้ฟันผุลุกลามจนเด็กเจ็บปวดและถูกถอนฟันไปก่อนกำหนด นอกจากนี้การทำฟันในเด็กเป็นเรื่องยาก เด็กส่วนใหญ่มีความอดทนต่อการทำฟันน้อย และกลัวการทำฟัน ผู้ปกครองมีความลำบากในการโน้มน้าวเด็กให้มาทำฟัน เพื่อลดปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงนำวิธีอุดฟันโดยไม่ต้องกรอฟัน (SMART Technique) มาใช้ในการอุดฟันเด็ก วิธีนี้ใช้เครื่องมือน้อยชิ้น เด็กไม่มีอาการเจ็บหรือเสียวฟัน ขั้นตอนไม่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน เด็กไม่ต้องขาดเรียน ผู้ปกครองไม่ต้องเสียเวลาพาเด็กมารับบริการที่โรงพยาบาล
1. เพื่อประเมินผลการอุดฟันโดยไม่ต้องกรอฟันในเด็กเล็กและอนุบาล 2. เพื่อประเมินความพึงพอใจ ความไม่เจ็บ และไม่กลัว ในเด็กเล็กและอนุบาล ในการอุดฟันแบบไม่ต้องกรอฟัน
เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ประชากร คือ เด็กที่มีฟันผุที่เรียนอยู่ในศูนย์เด็กเล็ก 6 แห่ง จำนวน 222 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ เด็กทุกคนที่มีฟันกรามน้ำนมผุที่สามารถอุดได้ด้วยวิธีไม่ต้องกรอฟัน (SMART Technique) จำนวน 122 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้คือ แบบบันทึกการอุดฟันแบบ Smart Technique แบบประเมินความพึงพอใจ และเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจและอุดฟัน เก็บรวบรวมข้อมูล 3 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 ประชุมชี้แจงให้ผู้ปกครองทราบพร้อมขออนุญาตในการดำเนินกิจกรรมและสำรวจช่องปากเด็ก เพื่อค้นหาเด็กที่มีฟันผุในฟันกรามน้ำนม แล้วนำมาวิเคราะห์วางแผนการอุดฟันร่วมกับคณะทำงาน ครั้งที่ 2 คณะทำงานที่ผ่านการอบรมดำเนินการอุดฟันและประเมินความพึงพอใจของเด็ก ครั้งที 3 ประเมินผลหลังการอุดฟัน 3 เดือน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.ย. 58 – ธ.ค. 58 ใช้ค่าสถิติร้อยละในการวิเคราะห์ข้อมูล
จากเด็กที่ได้รับการประเมินการอุดฟัน 122 คน 227 ซี่ พบว่า 4.1 ผลการประเมินการอุดฟัน มีค่าการคงอยู่ของวัสดุ จำนวน ๑๙๐ ซี่ (ร้อยละ 83.70) ฟันไม่ผุเพิ่ม จำนวน 221 (ร้อยละ 97.35) รอยต่อของฟันกับวัสดุอุดต่ำกว่า 0.5 มม. จำนวน 218 ซี่ (ร้อยละ 96.03) วัสดุอุดไม่มีการสึก จำนวน 219 ซี่ (ร้อยละ 96.47) วัสดุไม่เปลี่ยนสี จำนวน 226 ซี่ (ร้อยละ 99.55) 4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจ มีเด็กพึงพอใจ จำนวน 104 คน (ร้อยละ 85.25) มีเด็กไม่รู้สึกเจ็บจากการอุดฟันแบบ Smart จำนวน 103 คน (ร้อยละ84.43) มีเด็กไม่กลัวการอุดฟันแบบ Smart จำนวน 98 คน (ร้อยละ 80.33)
เด็กได้รับการอุดฟันตั้งแต่แรก ไม่ต้องขาดเรียน ผู้ปกครองไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการพาเด็กไปรับการรักษา และไม่ยุ่งยากในการโน้มน้าวเด็กให้ไปรับการรักษา ทันตบุคลากรทำงานสะดวกขึ้น เพราะเด็กให้ความร่วมมือดีกว่าในคลินิกทันตกรรม ไม่ต้องใช้วัสดุหรือเครื่องมือที่ยุ่งยากราคาแพง หน่วยงานไม่ต้องขยายพื้นที่ในการให้บริการ ลดระยะเวลารอคอยและความคับคั่งแออัดใน รพ. ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้มารับบริการ
1. การอุดฟันโดยวิธีนี้หากจะกระทำโดยทันตบุคลากรเพียงผู้เดียว จะมีความยากลำบากอยู่บ้าง เนื่องจากไม่มีเครื่องดูดน้ำลาย หากกันน้ำลายไม่ได้วัสดุจะยึดติดได้ไม่ดี 2. ต้องมีคนเตรียมวัสดุอุดให้ เนื่องจากเด็กบางคนจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง เด็กบางคนควบคุมยาก 3. ควรเพิ่มวันให้บริการ โดยเข้าไปทำความคุ้นเคย เตรียมความพร้อมเด็ก เด็กจะได้รับบริการหลายคนหลายซี่มากขึ้น
1. การออกไปให้การอุดฟันแบบไม่กรอฟันถึงศูนย์เด็กเล็ก เด็กจะให้ความร่วมมือได้ดีกว่าในโรงพยาบาล เพราะมีเพื่อน ครู ผู้ปกครอง และบรรยากาศที่คุ้นเคยเป็นกันเอง เด็กไม่ค่อยวิตกกังวลถึงแม้จะเป็นการทำฟันครั้งแรก 2 การได้รับการร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะทำให้การดำเนินงานสำเร็จมากขึ้น 3 ในการออกดำเนินงานควรทำเป็นกลุ่มหรือทีม ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
ไม่เป็น
ไม่เคย
ไม่เคย
ไม่เคย