การเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจเป็นความเสี่ยงสูงที่คุกคามต่อชีวิตของผู้ป่วยวิกฤติที่ต้องพึ่งเครื่องช่วยหายใจ และเป็นปัญหาที่พบบ่อยในการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ การพัฒนามาตรฐานการพยาบาลเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้น
ประเมินผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ
การศึกษาแบบผสมผสาน (mixed methods) ศึกษาเชิงคุณภาพ (qualitative research) ในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ โดยใช้หลักฐานความรู้เชิงประจักษ์ทางการพยาบาล โดยเน้นการปฏิบัติดูแลที่สำคัญคือการติดยึดท่อช่วยหายใจด้วย พลาสเตอร์ 4 เส้น ศึกษาผลการนำไปปฏิบัติด้วยการศึกษาเชิงปริมาณ (quantitative research) ตรวจสอบเนื้อหา ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของการปฏิบัติ โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน คำนวณค่าความสอดคล้องของเนื้อหาได้ 0.93 นำไปใช้ที่หอผู้ป่วยอายุกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่โดยพยาบาลวิชาชีพ 19 คน กับผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 130 ราย เปรียบเทียบผลลัพธ์กับผู้ป่วย 155 ราย ที่ได้รับการดูแลตามมาตรฐานเดิม ผลลัพธ์ ได้แก่ อัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ วิเคราะห์ด้วยสถิติ chi-square
กลุ่มแนวทางปฏิบัติใหม่มีผลลัพธ์ทางคลินิกดีกว่าแบบเดิมในหลายด้าน ได้แก่ อัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจต่ำกว่า (1.54 % vs 9.03 %; p < 0.05) มีใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ 2 ราย (1.54% ขณะที่กลุ่มแบบเดิมใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ 6 ราย (3.87%) ภาวะพร่องออกซิเจนหลังจากท่อช่วยหายใจหลุดลดลง ( 0 % vs 83.33 %) พยาบาลมีความพึงพอใจในระดับสูง 89.50 % ต่อแนวทางปฏิบัติปรับปรุงใหม่
บุคลากรทั้งโรงพยาบาลมีแนวทางการปฏิบัติที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน นำไปใช้กับผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพส่งผลให้ผู้ป่วยปลอดภัยไม่เกิดอุบัติการณ์การเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจลดวันนอนและลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลลงวารสารเขต12เพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์แก่หน่วยงานอื่นและโรงพยาบาลอื่นๆ นำเสนอผลงานวิชาการระดับชาติที่จังหวัดตรังและคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เห็นสภาพปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาที่ต้องใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และการทำงานเป็นทีม ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้งานมีคุณภาพงานวิจัยสำเร็จบุคลากรต้องตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนงานถึงจะมีประสิทธิภาพงานวิจัยทำคนเดียวไม่ได้ต้องมีการประสานผู้เกี่ยวข้องและทำงานเป็นทีมถึงจะสำเร็จ มีงานคุณภาพที่ดีแก่องค์กรและส่งผลดีกับผู้ป่วยด้วย
เป้าหมายที่ชัดเจนขององค์กรและความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานวิจัยไปให้ถึงจุดหมายของผู้วิจัยโดยความร่วมมือของบุคลากรในหน่วยงานทุกคนที่ต้องการทำงานวิจัยที่มีคุณภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย ทีมผู้บริหารโรงพยาบาลจัดโครงการและจัดสรรเวลาให้พัฒนางานประจำสู่งานวิจัยเพื่อให้บุคลากรทุกคนได้ทำงานคุณภาพ ความเสียสละและอยากแก้ปัญหาในงานประจำของผู้วิจัยและทุกคน ซึ่งต้องใช้เวลาส่วนตัวหลังเลิกจากงานประจำ
ไม่เป็น
วารสารวิชาการ เขต12 ฉบับที่ 25 เล่มที่ 3 หน้าที่ 71-79
ประชุมใหญ่และนำเสนอผลงานวิชาการระดับชาติและคณะแพทย์ศาสตร์ ที่จังหวัดตรังและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
รองชนะเลิศอันดับ2ประเภท Oral presentation มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์